รายงานวิจัย เรื่อง การประเมินบริการฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ (Text)
Files
Title:
รายงานวิจัย เรื่อง การประเมินบริการฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ
Subject:
ผู้สูงอายุ-- สุขภาพและอนามัย
Creator:
ปิยะฉัตร ชื่นตระกูล
Source:
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
Publisher:
สำนักหอสมุดแห่งชาติ
Date:
2544
Format:
Language:
ไทย
Alternative Title:
The evaluation of the funeral welfare service for the improvement of quality of life of the elderly people
Abstract:
การประเมินบริการฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ การวิจัยเรื่องการประเมินบริการฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการดำเนินงานของการฌาปนกิจสงเคราะห์ในชุมชน ตลอดจนเสนอทิศทางการจัดบริการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ในชุมชนที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยการสอบถามและสัมภาษณ์ผู้สูงอายุ จำนวน 383 ราย กรรมการบริหารองค์กรฌาปนกิจสงเคราะห์ในชุมชนจำนวน 81 ราย และผู้รับผิดชอบในภาครัฐ 9 ราย จากชุมชนทุกภาค ในพื้นที่ 9 จังหวัด 18 อำเภอ 36 ชุมชน เก็บข้อมูลช่วงเดือนเมษายน- พฤษภาคม 2542 ผลการศึกษามีดังนี้ การเริ่มต้นรวมกลุ่มเป็นองค์กรบริการในชุมชนมีแนวคิดจากพื้นฐานทางวัฒนธรรมที่มีอยู่และพัฒนาการรวมกลุ่มมาไม่นานนักด้วยสาเหตุทำตามชุมชนอื่นและคิดว่าจะทำให้มีเงินทำศพมากขึ้น ชุมชนส่วนใหญ่มีการรวมตัวกันจัดตั้งองค์กรบริการฌาปนกิจสงเคราะห์ ลักษณะบริการ ด้านรูปแบบของบริการจะมี 2 แบบ คือ แบบเป็นทางการซึ่งจัดตั้งภายนอกชุมชนแต่จะให้บริการมาถึงชุมชนด้วย ผู้สูงอายุไม่สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกได้ และรูปแบบบริการแบบไม่เป็นทางการ เป็นบริการที่จัดเฉพาะสมาชิกในชุมชน บริการสำหรับสมาชิกในชุมชนและชุมชนใกล้เคียงและไม่มีการจัดตั้งองค์กรบริการแต่จะให้บริการเฉพาะกิจ ซึ่งส่วนใหญ่การฌาปนกิจสงเคราะห์ที่มีการจัดตั้งเป็นองค์กรฌาปนกิจสงเคราะห์ในชุมชนเกือบทั้งหมดมีการจัดบริการแบบนี้และผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็นสมาชิกองค์กรรูปแบบนี้ ในด้านสถานที่ตั้งองค์กรบริการ ในรูปแบบบริการแบบเป็นทางการ สถานที่ตั้งองค์กรบริการจะอยู่นอกชุมชน ส่วนรูปแบบองค์กรบริการไม่เป็นทางการซึ่งมีอยู่ในชุมชนสถานที่ตั้งจะใช้ศูนย์สงเคราะห์ราษฎร์เป็นสถานที่ตั้งองค์กร การจัดตั้งองค์กรบริการส่วนใหญ่ไม่มีการจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย นโยบายและวัตถุประสงค์บริการส่วนใหญ่จะเป็นไปเพื่อการสงเคราะห์ศพ ในชุมชนโครงสร้างองค์กรบริการจะมีลักษณะไม่เป็นทางการ มีการกำหนดบทบาทหน้าที่แบบหลวม ด้านระบบการดำเนินงานทั้งหมดดำเนินการในรูปกรรมการ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเลือกตั้ง กรรมการส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน อาชีพเกษตรกร มีจำนวนหนึ่งในสี่เป็นผู้สูงอายุด้วย กรรมการมีความคิดเห็นในทางบวกต่อฌาปนกิจสงเคราะห์ ดำเนินการโดยกรรมการซึ่งมักเป็นกรรมการหมู่บ้านด้วยจำนวนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปโดยคณะกรรมการจะมอบให้กรรมการคนใดคนหนึ่งรับผิดชอบดำเนินการ และจะมีทีมงาน 2 – 4 คน รับผิดชอบดำเนินงานตามนโยบายและวัตถุประสงค์ซึ่งเน้นการทำศพโดยเฉพาะ กระบวนการดำเนินงานอาศัยแนวทางที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย ไม่มีการเขียนระเบียบชัดเจน และส่วนใหญ่มีข้อกำหนดที่ระบุไว้ในเรื่องวิธีการรับสมาชิกซึ่งมี 2 แบบคือแบบรายบุคคลและรายกลุ่ม ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็นสมาชิกแบบรายบุคคล โดยอัตราค่าสมาชิกส่วนใหญ่จะยึดตามกฎหมายคือเก็บค่าสงเคราะห์ศพ 20 บาท/รายแต่มีความยืดหยุ่นเพราะมีการเก็บตามศักยภาพของผู้สูงอายุตั้งแต่ 5 บาท- 50 บาท และเมื่อมีการตายเกิดขึ้นจะมีการจ่ายเงินภายใน 1 วัน การประเมินการให้บริการพบว่า ในรูปแบบบริการแบบเป็นทางการจะถือมาตรฐานบริการตามระเบียบของกฎหมาย แต่ในองค์กรบริการในชุมชนแม้จะอาศัยแนวทางตามระเบียบปฏิบัติอยู่บ้างแต่จัดว่ายังไม่มีมาตรฐานบริการ แต่ ทั้งนี้การดำเนินงานจะเป็นไปตามจุดมุ่งหมายคือเพื่อการสงเคราะห์ศพ ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจ บริการที่จัดขึ้นตอบสนองต่อความต้องการของผู้สูงอายุ มีความครอบคลุมในทุกพื้นที่ บริการฌาปนกิจสงเคราะห์ให้ความเป็นธรรมและให้โอกาสแก่ผู้สูงอายุในการใช้บริการ ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในบริการ เป็นบริการที่จัดน่าจะมีความยั่งยืนและปัญหาอุปสรรคในมุมมองของผู้สูงอายุจะเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับบริการ ส่วนในปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกรรมการจะเป็นเรื่องการทำตามบทบาทของสมาชิกและปัญหาด้านการดำเนินงานอยู่ที่ระบบการทำงาน ข้อเสนอแนะสำหรับการดำเนินงานฌาปนกิจสงเคราะห์ในชุมชนที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ประกอบด้วย การพัฒนาตัวผู้สูงอายุด้านเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี โดย การสร้างงานให้กับผู้สูงอายุในชุมชน จัดทำแผนงาน/โครงการสร้างโอกาสหรือเอื้อที่จะสนับสนุนความสัมพันธ์ที่ดี และสร้างความแน่นแฟ้นให้แก่ผู้สูงอายุและครอบครัว และจัดความครอบคลุมหลักประกันทางสุขภาพแก่ผู้สูงอายุ นอกจากนี้ต้องพัฒนาองค์กรบริการฌาปนกิจสงเคราะห์ในชุมชน ด้วยการพัฒนากรรมการด้านองค์ความรู้ และพัฒนาระบบบริการให้มีคุณภาพรวมทั้งการจัดทำนโยบายแบบมีส่วนร่วมที่จะดูแลให้ผู้สูงอายุมีหลักประกันการตายเต็มร้อย