การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ 4 ประการ ได้แก่ 1) ทบทวนกระบวนการนโยบาย และการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขในการขยายบริการยาต้านไวรัสเอดส์แก่ผู้ติดเชื้อเอชไอวี 2) ประเมินคุณภาพของระบบบริการยาต้านไวรัสเอดส์ในโรงพยาบาล 3) ประเมินผลที่เกิดขึ้นในผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ ทั้งทางด้านคลินิกและด้านสังคมและพฤติกรรม และ 4) ศึกษาต้นทุน-ประสิทธิผล ของการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ เปรียบเทียบโรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลระดับจังหวัด การศึกษากระบวนการนโยบายและการดำเนินโครงการ เป็นการทบทวนเอกสาร การสัมภาษณ์ผู้บริหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานโครงการ การประเมินคุณภาพระบบบริการในโรงพยาบาล ใช้วิธีการเยี่ยมสำรวจพื้นที่ โดยสุ่มเลือกเขตละ 1 จังหวัด รวมเป็น 12 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอยุธยา ลพบุรี ปราจีนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุรินทร์ อุดรธานี อำนาจเจริญ สุโขทัย น่าน เชียงใหม่ กระบี่ และสงขลา ในแต่ละจังหวัดเลือกโรงพยาบาลประจำจังหวัด 1 แห่ง และสุ่มเลือกโรงพยาบาลชุมชน/ทั่วไปอีก 2 แห่ง รวมโรงพยาบาลทั้งสิ้น 36 แห่ง เก็บข้อมูลโดยการสนทนากลุ่มและการสัมภาษณ์ผู้ให้บริการ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษา เจ้าหน้าที่ชันสูตร รวมทั้งการใช้แบบบันทึกและการทบทวนเอกสารที่เกี่ยวข้อง การประเมินผลที่เกิดขึ้นในผู้รับยาต้านไวรัสเอดส์ ในด้านสังคมและพฤติกรรม เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เข้าโครงการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2546 การศึกษาผลที่เกิดขึ้นด้านคลินิก ได้แก่ การเกิดโรคฉวยโอกาส การตาย การหยุดยา ปริมาณ CD4 เก็บข้อมูลจากแบบบันทึกและเวชระเบียนโรงพยาบาล ส่วนการศึกษาต้นทุน-ประสิทธิผลของการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ เป็นกรณีศึกษาในโรงพยาบาล 3 แห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ ต้นทุนรวมของการรักษาในโครงการ ATC ได้แก่ ต้นทุนการบริการที่คลินิกยาต้านไวรัส ต้นทุนยาต้านไวรัสเอดส์ และต้นทุนของผู้รับบริการ เก็บข้อมูลจากบันทึกรายงานของโรงพยาบาล และการสัมภาษณ์ และคำนวณสัดส่วนต้นทุน-ร้อยละประสิทธิผล จากข้อมูลดังกล่าว ผลการศึกษาพบว่าการจัดสรรยาต้านไวรัสเอดส์ภายใต้โครงการ ATC ในปีงบประมาณ 2547 กระทรวงสาธารณสุขได้ขยายบริการแก่ผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยได้กำหนดเป้าหมายจำนวน 50,000 ราย พบว่า ในระยะเวลา 7 เดือนแรกของการดำเนินนโยบาย มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เข้ามารับยาใหม่ ในอัตราผู้รับยาใหม่แต่ละเดือนในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 5 โดยมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับยาต้านไวรัสเอดส์แล้ว จำนวน 33,381 ราย หรือร้อยละ 66.7 เมื่อเทียบกับจำนวนเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขสะสมของผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด ซึ่งพบว่าหลังจากนั้นต่อมา มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่มีเหตุให้ต้องหยุดยาและออกจากโครงการ ทำให้จำนวนผู้ที่รับยาจริงมีอยู่ 29,549 ราย หรือร้อยละ 59 เมื่อเทียบกับเป้าหมาย ผลการศึกษาต้นทุนพบว่า ต้นทุนค่ายาต้านไวรัสเอดส์ เป็นสัดส่วนประมาณ ร้อยละ 60-80 ของต้นทุนรวมทั้งหมดของการบริการ ยาสูตรพื้นฐานที่ใช้ในโครงการ ATC ซึ่งได้แก่ GPO-Vir จะมีต้นทุนค่ายาที่ต่ำกว่ามาก เมื่อเทียบกับยาต้านไวรัสสูตรอื่นๆ