"ปลายกรุงศรีอยุธยาบ้านเมืองเต็มไปด้วยความระส่ำระสาย เป็นผลให้กรุงศรีอยุธยาถูกพม่าเข้ารุกรานกระทั่งแตกพ่าย นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ไทยเมื่อราชธานีที่แข็งแกร่งถูกทำลาย แม้การเสียกรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งที่ ๒ จะดูคล้ายกันกับการเสียกรุงครั้งที่ ๑ ตรงที่ได้สูญเสียเอกราชให้แก่พม่า ทว่าในการสูญเสียคราวนี้ พม่ามีเจตนาที่จะทำลายราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นศูนย์รวมอำนาจด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ และสังคมที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมายาวนานถึง ๔๑๗ ปี ให้แตกสลายอย่างสิ้นเชิง
การล่มสลายครั้งนี้นำมาสู่การตั้งศูนย์กลางอำนาจแห่งใหม่ที่ธนบุรี ซึ่งเปิดออกสู่น่านน้ำอ่าวไทย นอกจากจะสะดวกต่อการติดต่อกับต่างประเทศแล้วยังทำให้สามารถคุมเมืองชายทะเลทางใต้ได้ต่อไปในอนาคต อีกทั้งยังเป็นทำเลที่ตั้งที่ดีแก่การต่อสู้ป้องกันและพอเหมาะกับขนาดกองกำลังของสยาม ณ ขณะนั้น
กรุงธนบุรี ได้ถือกำเนิดขึ้นและมีระยะเวลาไม่นานมากนัก ด้วยเกิดจลาจลขึ้นภายในราชธานีในเรื่องของการเมืองการปกครองที่แตกต่างจากกรุงศรีอยุธยา เป็นผลทำให้ปัญหาภายในลุกลามยิ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช วีรกษัตริย์ผู้ทรงด้วยพระปรีชาสามารถจึงได้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้น ทรงอิสริยศักดิ์เพื่อความเป็นปึกแผ่นมั่นคงแห่งพระราชวงศ์ พร้อมบัญญัตินามให้แก่พระราชวงศ์ต่างๆ ในอดีตของสยาม ผู้ซึ่งเป็นกษัตริย์ลำดับที่ ๑ ในราชวงศ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ในนามว่า ราชวงศ์จักรี
"